…
“รอย…”
“รอย…”
“รอย! นายรู้สึกตัวไหมรอย!?” เสียงเรียกพร้อมเสียงคนมุงดังอื้ออึง
รอยรู้สึกสับสนเขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นถนนและพยายามลืมตาขึ้น
แสงพร่ามัวปรากฎให้เห็นผู้คนรายล้อมรอบตัวเขา แต่เขาก็ไม่อาจที่จะโฟกัสให้เห็นภาพใด ๆ ได้
“ฉันปวดหัว!” รอยแผดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด พร้อมเอามือกุมขมับ
เขาพยายามนึกเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ใด ๆ ก็ตามเขายังไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย
“รอก่อนนะพวก เดียวรถพยาบาลมารับแล้ว” ชายคนดังกล่าวพูดขึ้น แต่ความทรงจำของรอย ไม่แม้แต่จะจดจำได้ว่าเขาคือใคร
รอยหลับตาลง พยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ จนกระทั่งร่างกายบังคับให้เขาต้องหลับไป…
…
แสงแดดอ่อน ๆ กระทบบนใบหน้าของรอย เขาลืมตาตื่นขึ้น และพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง…
“พระเจ้า! เขาตื่นแล้ว!” เสียงของชายคนเดิมอุทานด้วยความยินดี
รอยจดจำเขาได้แล้ว เขาคือ เอริค คู่หูนักสืบซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา
เอริคลุกออกจากโซฟาที่อยู่มุมห้อง กระโดดโลดเต้นเข้ามาที่ข้างเตียงอย่างดีใจ
“ฉันนึกว่านายจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว” เขาเริ่มร้องไห้ออกมาเล็กน้อย น้ำตาแห่งความยินดี หยดลงบนเสื้อคนไข้ของรอย
รอยไม่รู้อาการของตัวเองเลยว่ามันหนักหนาแค่ไหน
ตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือ เขาตกจาก Hover หรือรถบิน ขณะไล่ล่าคนร้าย
“ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็กเนิร์ดนั่น มันจะมีพวกอยู่ด้วย พวกมันขับ Hover ชนเราเข้าอย่างแรงจนนายกระเด็นหลุดออกจากหน้าต่าง Hover ” เอริค เล่าทวนความจำให้รอยฟัง
“นายกระเด็นไปชนกับหน้าต่างคอนโด ชั้นที่ 5 ก่อนจะไถลตกลงมา”
“ใครเห็นก็ว่าตาย!” เอริค พูดติดตลก ในขณะที่น้ำตาเขาก็ยังคงไหลอยู่
“แต่ฉันก็ยังไม่ตายนิ” รอยพูดและยิ้มให้เอริค
“แต่นายไม่ต้องห่วงนะ ไอ้บ้า 2 ตัวนั่น เราจับมันได้แล้ว จากโทษคดีเล็ก ๆ แค่พยายาม Hack ระบบธนาคาร กลายเป็นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเฉยเลย ไม่รู้พวกมันคิดบ้าอะไรกันอยู่”
เอริคยังคงเล่าเรื่องหลังจากที่รอยหลับไป 3 วัน นับจากวันที่เกิดเหตุ เอาจริง ๆ สมองในตอนนี้ของเขายังคงสับสนอยู่เล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ ห้อง และพบว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาล เพราะมันใหญ่มาก!
กระจกรอบห้องเป็นแบบไม่มีขอบหน้าต่าง มันใสประหนึ่งว่าไม่มีกระจกอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญ มันอยู่ในชั้นที่สูงมาก ๆ ภาพที่รอยเห็น คือตึกสูงเสียดฟ้า เรียงรายกัน อย่างแน่นขนัด แม้ว่าจะเป็นยามเช้า แต่ Hover ที่ลอยเกลื่อนอยู่บนท้องฟ้า กลับเคลื่อนตัวไปอย่างเป็นระเบียบ
เขากวาดสายตาไปเห็นหน้าจอสีฟ้าอ่อนแสดงสถานะอัตราการเต้นหัวใจ / ค่าออกซิเจน และค่าต่าง ๆ ของเขา มุมเล็ก ๆ บนกระจกใสนั้น
“วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.3024 เวลา 07.00 น. “
เขามองวันที่บนหน้าจอนั้น รอยพึมพำกับตัวเองเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขายังคงสับสนเรื่องวันเวลาอยู่
หลังจากเขาทานข้าวเช้าในโรงพยาบาลเสร็จ ประตูห้องพักก็เปิดออกพร้อมกับชายสูงวัย ดูมีภูมิฐาน รูปร่างผอมสูง ผมสีขาว สวมแว่นที่หนาเตอะ เขาเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี คนหนึ่ง
“อรุณสวัสดิ์ รอย นายเป็นอย่างไรบ้าง จำฉันได้ไหม?” ชายคนดังกล่าวพูดขึ้น ประหนึ่งว่าเขารู้อยู่แล้วว่ารอยกำลังมีปัญหากับความจำเล็กน้อย
“ดีขึ้นแล้วครับ ดร.ชอว์ ” รอยพูดขึ้น พร้อมขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“คุณคงเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะลืม” รอยพูด และยิ้มอย่างจริงใจให้ ดร.ชอว์
ในความทรงจำของเขา ความทรงจำที่เกี่ยวกับ ดร.ชอว์ นั้นชัดเจนที่สุดในขณะนี้ เพราะเขาและ ดร.ชอว์ รู้จักกันมานาน และรอย นับถือเขาเหมือนญาติ แต่ในอีกฐานะหนึ่ง ดร.ชอว์ เป็นนักธุรกิจด้านนวัตกรรมชื่อดัง ผู้มีจิตอาสาสนับสนุนงานวิจัยต่าง ๆ ให้ภาครัฐมาเสมอ
“ผมจัดห้องที่ดีที่สุดให้คุณ ชั้นที่ 14 ห้องนี้วิวดีที่สุดแล้ว คุณพักผ่อนได้ตามที่ต้องการเลยนะ จะอยู่เป็นปีก็ไม่มีใครว่า เว้นแต่หน่วยงานของคุณ จะมาไล่คุณออกเสียก่อนนะ ฮ่า ๆ” ดร.ชอว์ เดินเข้ามาหา รอย พร้อมจับที่ไหล่ของรอยเบา ๆ ถึงแม้เขาจะพูดติดตลก แต่ รอย ก็รับรู้จากน้ำเสียงของ ดร.ชอว์ ได้ว่า เขาเกือบเสียรอยไปแล้ว
เด็กหนุ่มที่มากับ ดร.ชอว์ เว้นระยะห่าง เขากับรอย แน่นอนว่ารอยก็พึ่งเคยพบเขา แต่ ดร.ชอว์ ไม่ได้แนะนำให้เขารู้จัก รอยจึงเข้าใจได้ว่า เด็กหนุ่มคนนั้น คงเป็นผู้ช่วยของ ดร.ชอว์
รอย เปิดดูข่าวเช้าจากกระจกของห้อง จอภาพบนกระจกฉายภาพประหนึ่งทีวีขนาด 75 นิ้ว ด้วยนิสัยส่วนตัวของเขาที่ต้องเปิดดูข่าวทุกเช้า เพื่อรับข้อมูลข่าวสารบ้านเมือง
เนื่องด้วยปัจจุบันทุกประเทศในโลกแทบจะเป็นสหภาพไร้พรมแดนกันอยู่แล้ว รอย จึงเลือกช่องที่คอยแต่อัพเดทข่าวแบบเนื้อ ๆ เท่านั้น ไม่มีน้ำ ไม่มีดราม่า ไม่มีบทสัมภาษณ์อันไร้สาระ เพราะเขาต้องใช้ข่าวจำนวนมหาศาลในการวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน
แต่อันที่จริง เขาก็แค่เปิดมันเพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไปก็เท่านั้นแหละ…
ในระหว่างที่ทั้ง 3 คนกำลังพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่สักพักหนึ่ง
ผลันภาพหน้าจอทีวีสีแดงฉานก็ปรากฎขึ้น ตัดภาพหน้าข่าวด่วนขึ้นมาทันใด
คนทั้งห้องนั้นหันหน้าไปยังจอภาพเพื่อรอฟังรายงานข่าวด่วน
“ข่าวด่วน! มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เสียชีวิตปริศนา ภายในบ้านพักตากอากาศส่วนตัว พบศพเพื่อนชายยังไม่ทราบชื่อในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทของทั้งสองคนซึ่งจบลงด้วยการเสียชีวิตทั้งคู่ “
ภาพรายงานข่าวปรากฎขึ้นเห็นสภาพภายนอกคร่าว ๆ ของที่เกิดเหตุ
“ฉันว่า ฉันคงจะนอนชมวิวที่ชั้น 14 ไม่ได้นานแล้วหละ” รอยพูดขึ้น
“ทำไมกันละ?” เอริคถามด้วยสีหน้าฉงน
“เพราะขณะเกิดเหตุมันมีมากกว่า 3 คนนะซิ” รอยกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว สายตาของเขายังคงจดจ้องกับภาพข่าว
ดร.ชอว์ นิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะลุกขึ้น และมองไปยังผู้ช่วยของเขา
ดร.ชอว์ พยักหน้าเล็กน้อยให้กับผู้ช่วย หลังจากนั้น ผู้ช่วยก็เดินนำหน้าออกจากห้องไปก่อน
“ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ ว่านายจะนอนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้ ” ดร.ชอว์ หยุดอยู่ที่ประตูและหันมากล่าวกับรอย
“แต่ถ้าคดีนี้มันกวนใจนาย ฉันจะประสานขอข้อมูลเบื้องต้นให้ ตามที่นายต้องการ “
“รบกวนด้วยนะครับ ดร.ชอว์” รอย โค้งก้มหัวขอบคุณให้เขาขณะที่ยังนั่งอยู่บนเตียง
“เห้อ… พึ่งปิดคดี Hacker ไปแท้ ๆ ให้ฉันหยุดหน่อยเถอะรอย!”
เอริค ร้องอย่างไม่พอใจ คราวนี้น้ำตาเขาไหลออกมาเช่นเดิม…
แต่ทว่า…
มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความปิติยินดี!
