สวสัดีครับผู้อ่านทุกท่าน หลังจากที่แฟนหมวดหมีต้องย้ายกลับบ้านไป จ.พะเยา ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ เรื่องการฝากครรภ์ก็ต้องหอบเอาเอกสารจากที่เก่าไปด้วย เพื่อจะย้ายไปฝากครรภ์ที่ใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล นั่นก็คือ โรงพยาลพะเยา ครับ

ตอนแรกแฟนก็กลัวนะครับว่า โรงพยาบาลรัฐอย่าง โรงพยาบาลพะเยา จะอุปกรณ์ไม่พร้อมเท่าโรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพฯ เพราะเดิมก็ฝากครรภ์กับเอกชน แล้วรู้สึกว่าการให้บริการต่าง ๆ ดีกว่าหลายขุมมาก ๆ

แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อโรงพยาบาลพะเยา เป็นโรงพยาบาลเดียวที่เหมาะสมกับการเดินทางที่สุด เนื่องด้วยอายุครรภ์ก็เริ่มมากแล้ว ไปไหนไกลก็ลำบาก จึงตัดสินใจฝากครรภ์ ที่โรงพยาบาลพะเยาครับ

ฝากครรภ์ครั้งนี้ แฟนตั้งใจว่าจะอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ เพื่อจะได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยเป็นครั้งแรก หลังจากที่เตะท้องแม่อยู่หลายสัปดาห์ โดยการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ นี้ หลักการคือ การถ่ายภาพแล้วนำมาเรียงต่อกันให้เป็นภาพเคลื่อนไหว โดยใช้คลื่นเสียง ซึ่งภาพที่จะปรากฎก็จะเป็นภาพแบบ Real Time ครับ โดยอายุครรภ์ที่เหมาะสม ที่สามารถเริ่มซาวด์ได้ก็ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 19 ของการตั้งครรภ์ เป็นต้นไปครับ

ข้อดีของการซาวด์ 4 มิติ คือ จะสามารถเห็นอวัยวะ , เพศลูก , โครงสร้างใบหน้า , กระดูกสันหลัง , พัฒนาการในครรภ์ และอื่น ๆ

ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าสามารถทำได้ก็ทำไปเถอะครับ ถ้าเป็นอะไรจะได้สามารถวางแผนการรักษา-เลี้ยงลูกได้ถูก

สำหรับค่าใช้จ่ายถ้าเป็นเอกชนก็คงประมาณ 2,000 – 4,000 บาท แล้วแต่โรงพยาบาลครับ ส่วนโรงพยาบาลรัฐ ก็ตั้งแต่ 1,000 – 2,000 บาท โดยประมาณ ส่วนตัวก็ถือว่าไม่แพงครับกับสิ่งที่ได้รับ

ส่วนถ้าถามถึงความจำเป็น ก็อาจจะไม่ได้จำเป็นมากไปกว่าการซาวด์ปกติทั่วไปหรอกครับ ควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้จะดีที่สุดครับ

กลับมาเล่าต่อ…

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นการย้ายสถานที่การฝากครรภ์ พยาบาลจึงต้องเก็บประวัติเพิ่มเติมใหม่ แฟนบอกว่าซักประวัติได้ละเอียดยิบและใส่ใจมาก ๆ ความรู้แน่น เอกสารจากที่เก่าส่งมาข้อมูลไหนไม่ครบ ก็พาตรวจใหม่เลยครับ เช่น ตรวจซิฟิลิส เอดส์ ไวรัสตับอักเสบ เบาหวาน บาดทะยัก เป็นต้น

พยาบาลแบ่งหน้าที่กันชัดเจนมากครับ ความรู้ก็แน่น ระหว่างการใช้บริการก็รู้สึกไหลลื่น ไม่ติดขัด

ที่นี่มีแผนกทันตกรรมอยู่ข้างห้องฝากครรภ์ด้วยครับ โดยให้ทันตแพทย์มาประจำอยู่ 1 คน ซึ่งเรื่องทันตกรรมก็ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์

เมื่อถึงเวลาซาวด์ แฟนผมยิ้มแก้มปริ เล่าความรู้สึกกับผมในภายหลังว่านี่คือ “รักแรกพบ” จริง ๆ ลูกตัวน้อยที่คอยถีบแม่ตลอดเวลา ไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ต้องพูดคุยกันทุกวัน เดาใจกันทุกวัน ลุ้นว่าลูกในท้องจะเป็นอะไรไหมทุกวัน มันปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก

ผมเองแม้จะไม่ได้อยู่ในห้องด้วยกับแฟนเนื่องจากอยู่กรุงเทพฯ ต้องมาดูวิดิโอย้อนหลัง แต่ความรู้สึกมันล้นไม่แพ้กัน กัยการที่ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก ลูกสาวที่คุณพ่อต้องคอยอ่านนิทานให้ลูกฟังในเวลา 3 ทุ่มของทุกวัน (วันไหนเลท มีประท้วงแม่ด้วยการถีบ) เชื่อแล้วว่าสายสัมพันธ์พ่อแม่ เกิดตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จริง ๆ ครับ

คุณหมอซาวด์และวัดค่าต่าง ๆ ค่อนข้างละเอียดมาก เกือบครึ่งชั่วโมงในการดูภาพ , พูดคุย และฟังความรู้จากคุณหมอ

แต่ว่าช่วงที่ไปลูกนอนอยู่พอดี จึงขยับตัวน้อย มีหาวบ้าง เอานิ้วมาดูดบ้าง เรียกได้ว่าการมาซาวด์ ก็ต้องอาศัยโชคในระดับหนึ่งเหมือนการซาวด์ปกตินั่นแหละ แต่ได้เห็นเพียงเท่านี้ รู้ว่าลูกร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ครบ 32 ก็เป็นความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้วใช่ไหมละครับ

สรุป 

การได้เข้ามาฝากครรภ์ และใช้บริการที่โรงพยาบาลพะเยา ถือว่าดีเกินความคาดหมายมากครับ แฟนผมอยากให้ 20 เต็ม 10 ด้วยซ้ำ เพราะการบริการที่นี่ดีมาก ถึงแม้ว่าอุปกรณ์บางชิ้นอาจจะเก่า แต่ประสบการณ์ของบุคคลากรนั้นสูงมาก ตอนอยู่กรุงเทพฯ ซาวด์นานสุดก็แค่ประมาณ 5 นาที นี่หมอซาวด์ไปคุยไปเกือบครึ่งชั่วโมง เรียกได้ว่า “เต็มอิ่ม” กับความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่เลยครับ อีกอย่างถ้าเป็นข้าราชการเข้ามาใช้บริการ สามารถเบิกจ่ายตรงได้อีกด้วย (ในรายการที่เข้าตามสิทธิ) สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรไปได้เยอะเลยหละครับ 🙂