หากใครเคยไปเที่ยวเขาใหญ่แล้วประทับใจในบรรยากาศต่าง ๆ ละก็ หมวดแนะนำว่าให้ลองเขยิบทริปมาอีกนิด ไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติแท้ ๆ กันที่ “วังน้ำเขียว” สถานที่ที่เขาเคลมว่าเป็น 1 ใน 7 สถานที่ที่มีโอโซนและบรรยากาศดีที่สุดในโลก !
หมวดเป็นคนไม่เชื่อคนง่าย ๆ เลยต้องไปพิสูจน์ด้วยตนเอง ซึ่งจากการพิจารณาจากงบการเงินในปัจจุบันแล้ว หมวดมีงบสำหรับที่พักได้ไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งมีตัวเลือกให้ไม่มากนักสำหรับงบเท่านี้ เนื่องจากราคามันก้ำกึ่งระหว่าง ที่พัก 3 – 4 ดาว
หลังจากเฟ้นหาโรงแรมที่คิดว่าดีที่สุด ด้วยระบบประมวลผลที่ชื่อว่า “เมีย” ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า
บุหงาส่าหรี
คือโรงแรมที่ได้ไปต่อ!
บุหงาส่าหรี โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่ เขาแผงม้า ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ถึงแม้จะชื่อว่าเขาแต่เอาเข้าจริงเส้นทางก็ขับไม่ได้ยากเลยครับ ถนนลาดยางตลอดทั้งเส้นหลังจากที่ขับรถมาเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากกรุงเทพมหานคร หมวดก็ได้มาถึงที่พักในช่วงเย็นพอดี สำหรับที่นี่สามารถขับรถเข้าที่พักได้เลยหลังจากเช็คอิน เพราะบ้านแต่ละหลังจะมีที่จอดรถให้ 1 คัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่บอกเลยว่าประทับใจมากครับ เข้าไปแล้วบรรยากาศดีมาก ๆ ภายในห้องโล่งโปร่งสบาย หลังคาสูงไม่อึดอัด พื้นปูนเย็น ๆ สบายเท้า เตียงไม้ที่อาจจะเก่าเล็กน้อย แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้านต่างจังหวัดยังไงยังงั้น
มุ้งนี่ก็ไม่ได้ติดเอาไว้ให้เป็นเฟอร์นิเจอร์เก๋ ๆ นะครับ ตอนกลางคืนถ้าไม่คลุมมุ้งละก็ แมลงต่าง ๆ อาจจะมา กวนใจท่านไม่มากก็น้อย เนื่องจากว่าที่พักมันอยู่บนเขา ไปพักโรงแรมไหนก็ต้องมีครับ
เตียงนอนคงไม่ได้นุ่มมากเหมือนโรงแรมดี ๆ แต่ว่านอนหลับได้สบายพอควร ผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนูผืนเล็กก็มีให้ครบ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมามากครับ
มีที่นั่งพักเล็ก ๆ สามารถล้อมวงทำกิจกรรมเสี่ยงดวงได้เป็นอย่างดี ในกรณีที่มากันเป็นกลุ่ม หรือจัดสัมนาครับ
นั่งสบายมาก ๆ แฟนกับผมชอบมานั่งกินขนมจุบจิบตรงนี้ ฮ่า ๆ
สิ่งที่พิเศษมาก ๆ คือ มีระเบียงห้องยื่นออกไป ให้เราชมวิวเขาแผงม้าได้ฟินสุด ๆ โต๊ะเก้าอี้ก็พร้อม ถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ มาสโลวไลฟ์ที่นี่ หรือจะพกงานมาทำหาความสงบให้เกิดไอเดียละก็ ที่นี่ก็ไม่เลวครับ ลมเย็นมาก อากาศโฟลว ตลอด โอโซนบริสุทธิ์ฝุด ๆ
มีทางเดินและลานด้านหลังบ้าน เนื่องจากผมพักที่บุหงา 4 จึงยังมีบ้านซึ่งอยู่ในมุมทแยงด้านขวาให้เห็น แต่วิวทิวทัศน์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกบดบังนะครับ เนื่องจากว่า พื้นที่มันลาดลงพอสมควร
ในส่วนของห้องน้ำ Outdoor ถูกใจสำหรับคนอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ อาบน้ำกินลมรับแดด หรือถ่ายหนักรับลมเย็น ๆ เวลากลางคืน ให้เสียวสันหลัง เย็นวาบไปถึงตูดเล่น ๆ หรือถ้ายังไม่พอใจอยาก เปิดหน้าต่างไป Say Hi กับเพื่อนบ้านได้ก็ไม่มีปัญหา ส่วนตัวแนะนำว่าห้ามพลาดครับ ( ฮ่า ๆ )
หลายท่านอาจจะคิดว่าถ้ากลางคืนแล้วแมลงมันจะกวนใจมากไหมในห้องน้ำ? เอาจริง ๆ ก็ไม่ค่อยมีนะครับ ขนาดนั่งเฝ้าแฟนปลดทุกข์ในห้องน้ำตอนกลางคืน เนื่องจากแฟนกลัวสัตว์เลื้อยคลาน (แต่ก็ไม่มีให้เห็น) ก็ยังพบว่าแมลงน้อยมาก ไม่มาตอมกวนใจเท่าไหร่
และถ้าถามว่าผมชอบห้องน้ำที่นี่มากไหม ก็บอกเลยว่าชอบมากครับ มีอุปกรณ์อาบน้ำให้ครบครัน ได้บรรยากาศ กลางแจ้ง แบบไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ เนื่องจากบ้านแต่ละหลังก็พื้นที่ต่างระดับกัน และเขาคำนวนมาแล้วครับว่ามองไม่เห็นกันแน่นอน ( ไม่เหมือนบางที่ ทำที่อาบน้ำกลางแจ้งแต่ก็ยังมีบางมุมที่มันเห็นกันได้ )
หลังจากนั่งเล่นนอนเล่นเสร็จ แนะนำให้มาดูพระอาทิตย์ตกชิล ๆ ที่บริเวณเรือนรับรองครับ ที่นี่ทำตัวเรือนสำหรับดูวิวพระอาทิตย์ตกโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขับรถไปดูที่อื่น จบในที่นี่ที่เดียวได้เลยครับ
วิวสวย จบในที่เดียวไม่ต้องไปไหนไกล
แสงสีทองสวย ๆ ยามเย็น สูดอากาศบริสุทธิ์ แล้วรับแสงสุดท้ายของวันในที่เดียวก็ไม่เลวนะครับ
หรือจะมานอนเล่นก็ได้ เพราะเขามีเตียงไม้ไว้ให้นอนเล่นอ่านหนังสือชิล ๆ ครับ
ยิ่งกว่านั้นบริการพิเศษ ต้มสมุนไพรแช่มือแช่เท้า ฟรี!!
สมุรไพรร้อน ๆ มีพนักงานคอยบริการให้ตั้งแต่ 17.00 – 18.00 น.
แช่แล้วก็สบายเท้าดีครับ
ดูวิวไปด้วยระหว่างแช่ ฟินมากกกก
เก็บภาพมุมห้องก่อนฟ้าจะมืด ก็ได้มุมสวยไปอีกแบบ
สำหรับอาหารการกินตอนเย็นไม่ต้องห่วงครับ เพราะว่าติดกันกับครัวมิ่งไม้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม ครัวมิ่งไม้เป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างขึ้นชื่อของวังน้ำเขียว บรรยากาศดี อาหารอร่อย แนะนำห้ามพลาดครับ
เก็บภาพจากตอนตี 4 ตื่นมาเพื่อหวังใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อื่น พบว่าหมอกหนามาก ๆ ครับ นี่ขนาดมาช่วงปลายฝนต้นหนาว และด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัวกับทริปนี้มากก็ดั้นด้นอุตส่าห์ ขับรถทั้ง ๆ ที่มีหมอกหนา เพื่อไปดูอาทิตย์ขึ้นยามเช้า กับทะเลหมอกสวย ๆ บนผา แต่ผมแนะนำนะครับว่า
ไม่ต้องไปเพราะอันตรายมาก ๆ
หมอกลงหนาจัดมากครับ ขับรถแทบจะมองไม่เห็นทางเลย และทางไปในจุดอื่น ๆ จำพวก ผาต่าง ๆ เส้นทางค่อนข้างลำบาก พอไปแล้วก็พบแต่ความผิดหวังครับ เนื่องจากว่าหมอกลงจัดเกินไป ขึ้นผาไปก็เห็นแต่หมอก ไม่เห็นทะเลหมอกหรอกครับ ถ้าให้ดีคือ ตั้งแต่ช่วง 8 โมงเป็นต้นไป หมอกจะเริ่มหาย นั่นถึงจะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ และวิวทะเลหมอกได้ครับ
ดังนั้นแนะนำว่าจิบกาแฟ หรือน้ำเต้าหู้ยามเช้าที่ระเบียงหลังบ้านนั่นแหละครับ นั่งสโลว์ไลฟ์กับหมอกสวย ๆ ไม่ต้องไปไหนไกล ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเหนื่อย สูดอากาศบริสุทธิ์ชิล ๆ ได้ที่ระเบียงหลังบ้านนั่นแหละครับ
สำหรับอาหารเช้าที่นี่ เป็นอาหารบุฟเฟต์อาหารง่าย ๆ จำพวกข้าวผัด แฮม ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวต้มเห็ด อะไรประมาณนี้ครับ อาจจะไม่มีรูปมาให้ชมเนื่องจากว่ามันธรมดามากจริง ๆ ถ้าให้อร่อยและแนะนำคงเป็นข้าวต้มเห็ดนี่แหละครับ น่าจะโดนใจนักท่องเที่ยวที่สุดแล้ว เพราะเรื่องเห็ด ๆ วังน้ำเขียวเขาดังครับ
สรุปข้อดี – ข้อเสีย
ข้อดี
บุหงาส่าหรี เป็นรีสอร์ทที่พักคุ้มค่ามากครับ ราคาหลักพันแต่บรรยากาศหลักล้าน คุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปเหนื่อยเที่ยวที่ไหนไกล เพราะมันจบให้ได้ในที่เดียว ขอเพียงแค่คุณเอาชีวิตมาฝากไว้ที่นี่ แล้วสัมผัสกับบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ สูดโอโซน ที่ดีที่สุด 1 ใน 7 ของโลก ชมตะวันตกดิน และตื่นเช้ามาเอาหน้าปะทะหมอก นอนกลิ้งเล่นจนเช็คเอาท์ หรือจะทำงานอากาศเย็น ๆ หาแรงบันดาลใจ หมวดก็แนะนำให้มาที่นี่ครับ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ถึง หน้าหนาว ฝากร่างมาปะทะหมอกได้ที่นี่เลยครับผม! 🙂
ข้อเสีย
เตียงไม้เก่าไปนิดหน่อย และม่านไม่ค่อยทำให้เป็นส่วนตัวนักเนื่องจากปิดให้แนบสนิทค่อนข้างยาก ประกอบกับในแง่ของความปลอดภัย ในส่วนห้องน้ำที่เป็นกลางแจ้ง ประตูของห้องน้ำภายในตัวที่พักกลับไม่มีกลอนล็อค ถ้าออกไปข้างนอก หรือ นอนอยู่ตอนกลางคืนโจรปีนเข้ามาทางห้องน้ำจะทำยังไง? ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องที่ทาง บุหงาส่าหรี คงต้องปรับปรุงกันต่อไปครับ
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นและห้องพักที่เวปไซต์หลักได้ที่ http://www.bu-ngasariresort.com
และสามารถดูเส้นทางวิธีการไปบุหงาส่าหรีได้ที่
https://goo.gl/maps/MYSt8AUGoCF2
หรือ ตามแผนที่นี้ครับผม
โดยรวม ๆ สำหรับความประทับใจนี้ หมวดหมีให้ 8 / 10 ครับ 🙂
เห็นแล้วอยากไปเที่ยวก็อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ให้คนรักหรือเพื่อนในแก็งค์กันด้วยนะคร้าบบ~
อ่านแล้ว ชอบครับ เห็นภาพตามที่หมวดเล่าเลย อยากไป แล้วที่ชอบอีกอย่างในรีวิวนี้คือ มีทั้ง ที่ติและชม
ถูกใจถูกใจ
ขอบคุณครับ 🙂
ถูกใจถูกใจ