พอเป็นเรื่องลูกทีไร ก็อยากให้ลูกได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถหาได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์เสริม ตั้งแต่เป้อุ้มเด็กยันคาร์ซีท ซึ่งของใช้เด็กแต่ละชิ้นก็ราคาสูงเหลือเกิน โดยเฉพาะของมียี่ห้อ
ในประเทศไทยนั้นหลายบริษัทที่นำเข้าสินค้าเด็กแบรนด์ดัง ๆ อัพราคาแพงมาก เมืองนอก แค่ประมาณ 100 เหรียญ หรือประมาณ 10,000 บาท แต่พอนำเข้ามาประเทศไทยแล้วบางชิ้น แพงกว่า 20,000 บาท ไปอีกกก
กว่าจะซื้อของแต่ละชิ้นได้จึงเปิดดูแล้วเปิดดูอีก ทั้งในเรื่องของความคุ้มค่า และคุ้มราคา เพราะบางแบรนด์ก็ไม่ได้ดีมาก แต่พออยู่ในไทยแล้วราคาแพงเหมือนของพรีเมี่ยม
รถเข็นเด็กก็เหมือนกัน ผมนั่งติดตามหลายแบรนด์จนกระทั่งมาเจอกับแบรนด์ Keenz
ซึ่งมีตัวแทนจัดจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย โดยรถเข็นเด็กแบบ Airplus นั้นจะมีให้เลือกอยู่ 2 รุ่น คือ Airplus U Bar และ Air Plus Pro
2 รุ่นนี้ แตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่ คือ ตัว U Bar นั้นจะเล็กกว่า ตัว Pro และสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ เหมาะสำหรับคนที่ขึ้นเครื่องบินแล้วไปไหนมาไหนกับลูกบ่อย ๆ
ส่วนตัว Pro นั้นจะใหญ่กว่าเล็กน้อย มีน้ำหนักที่มากกว่า จึงไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ แต่จุของได้มากกว่า , รับน้ำหนักได้มากกว่าและฟังก์ชั่นที่เยอะกว่านิดหน่อย
โดยในรุ่น Air Plus U Bar จะจัดจำหน่ายอยู่ในราคา 6,990 บาท และ Air Plus Pro ราคา 10,990 บาท
โจทย์ในการเลือกรถเข็นเด็กของผมคือ
1.ต้องรับน้ำหนักได้มาก : เพื่อรองรับน้ำหนักลูก ซึ่งผมหวังว่าพอซัก 3-4 ขวบ ก็น่าจะเลิกใช้ได้แล้ว
2.มีช่องเก็บของที่ใหญ่อลังการ : อันนี้ตอบโจทย์เมียผม เพราะเธอชอบพกของเว่อร์วัง ไปเที่ยวก็ต้องหอบของพะรุงพะรังไปเรื่อย ถ้าตอบแบบให้ดูดีหน่อยก็คือ เธอมีการเตรียมตัวที่ดี สามารถเตรียมของไปเผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และข้อดีอีกอย่างคือ เมื่อออกไปซื้อของก็ไม่ต้องหอบของไปมา ยัดใส่ช่องเก็บได้เลย
3.วัสดุแข็งแรง ไม่ก๋องแก๋ง : เพราะผมเป็นคนใช้ของแล้วใช้จริง ๆ คือซื้อมาใช้ ไม่กลัวเป็นรอย ใช้งานสมบุกสมบัน ของใช้ทุกชิ้นที่ผมใช้จึงต้องแข็งแรง ทนมือทนไม้ได้พอควร
หลังจากพิจารณาอยู่นานผมจึงเลือก Air Plus Pro เอาให้เจ็บแล้วจบ เพราะตอบโจทย์ข้างบนได้หมด

เมื่อได้รับมาแล้ว ก็ไม่ผิดหวังครับ วัสดุแข็งแรงมาก เหล็กไม่ใช่ก๋องแก๋ง แน่นทุกชิ้น Air Plus Pro สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 60 Kg

ช่องเก็บของใหญ่เว่อร์วังอลังการงานสร้าง ใหญ่สมดั่งใจหมาย ไม่น่าจะมียี่ห้อไหนใหญ่ไปกว่านี้แล้ว และสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 45 kg ถ้าติดตาม #keenz จะเห็นรูปจากผู้ใช้งานต่างประเทศ ลูกอายุ 1-2 ขวบ ที่น้ำหนักยังไม่เกิน สามารถเข้าไปนั่งเล่นได้เลยที่ช่องใส่ของ และที่ชอบคือมีตาข่ายกันของตกมาให้ด้วย ดีตรงที่บางคนเลี้ยงสุนัขพันธ์เล็ก หรือแมว เอาใส่ช่องเก็บของแล้วพาเดินได้เลยจ้า

ตัวเบาะมีที่ล็อค เหมือนคาร์ซีท ป้องกันลูกน้อยดิ้นหลุดออกจาก รถเข็น มีแถบสะท้อนแสง มีประโยชน์ในช่วงตอนเย็น – กลางคืน ป้องกันอุบัติเหตุ เผื่อพาลูกไปเดินเล่น

ตัวเบาะสามารถปรับเอนได้ 175 องศา ลูกนอนสบายมาก (สีชมพูนั่นคือเบาะเสริม ซื้อเองต่างหากนะครับ)

พนักขาก็สามารถปรับลงได้ เหมาะสำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อย (ถ้าหากเด็กมีน้ำหนักมาก ควรปรับพนักลงก่อนให้เด็กขึ้นนั่ง ไม่งั้นหัก)

มีที่คลุมเท้าอยู่ใต้เบาะ เหมาะกับช่วงหน้าหนาว สามารถดึงขึ้นมาคลุมได้

ตัว U Bar สามารถเปิดออกได้ สะดวกมากเวลาใช้งาน โดยเฉพาะตอนเอาลูกเข้าวาง
และที่กันแดดด้านบน สามารถเปิดขยายได้กว้างมาก กว้างจนแทบจะคลุมหมด เหลือแต่ขาที่ยื่นออกมา


มีช่องสำหรับมองลอด เพื่อให้เด็กมองเห็นคุณพ่อ คุณแม่ ไม่เกิดอาการเหงา หรือกลัว ซึ่งช่องนี้ดีมากนะ เพราะถ้าร้องเมื่อไหร่ รถเข็นเด็กก็กลายเป็นภาระเลย ต้องกลับมาอุ้มลูกเหมือนเดิม (ซึ่งอาการนี้เป็นในเด็กเล็ก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม บางยี่ห้อจึงมีรถเข็นที่สามารถเข็นได้สองด้าน)

ด้านหลังเป็นกระเป๋าสามารถใส่ของได้ เยอะพอควร

ถ้าหากเปิดออกก็จะเป็นที่ระบายอากาศ ทำให้ลูกไม่ร้อน ไม่อึดอัด (เอาของออกก่อนนะ)

และตัว Pro จะมี T Bar และ ถาดอาหาร มาให้เปลี่ยน เหมาะกับเด็กที่สามารถนั่งเองได้แล้ว และอยากมองข้างนอก ไม่เกะกะขา เวลาจะลง

โดยตัว U Bar T Bar และที่จับเข็น จะมีหนัง PU หุ้ม หนังทำมาค่อนข้างดี ฟีลพรีเมี่ยม

ตรงตัวจับเข็น จะมีปุ่มกดใช้สำหรับพับเก็บและคลายออก ซึ่งสามารถทำได้ในมือเดียว เหมาะกับแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อีกมือต้องอุ้มลูก

ตัว Pro จะแถมที่วางแก้วมาให้ด้วย จะใส่ขวดนมก็ได้ หรือจะวางแก้วน้ำคุณแม่ก็ได้

สำหรับการเข็น ลื่นไหลมาก ๆ ครับ ล้อไม่มีติดขัด บางทีถ้าไม่จับไว้คือไหลไปเลย
จึงมีตัวล็อคบริเวณล้อหลัง ใช้งานง่ายแค่เหยียบ มีแถบสีเขียว – แดง บอกด้วยว่ากำลังล็อคอยู่รึเปล่า
สรุป
รถเข็นเด็ก ยี่ห้อ Keenz รุ่น Airplus Pro สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการรับน้ำหนัก , ช่องเก็บของที่กว้าง และวัสดุที่ดีมากสมกับราคา และในเรื่องของฟังก์ชั่นก็ค่อนข้างมีครบถ้วน ขาดอย่างเดียวคือการเข็นได้สองฝั่ง ซึ่งผมไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าออกไปข้างนอกพร้อมลูก ก็ต้องออกไปกับแฟนตลอด ส่วนตัวถ้าเทียบราคาและคุณภาพกับยี่ห้ออื่น ๆ ที่ใกล้เคียง ก็นับว่าคุ้มค่า แต่ถ้าใครว่าแพงไป ก็สามารถรอโปรโมชั่นจาก Keenz ได้ตลอดครับ จัดโปรโมชั่นค่อนข้างบ่อย และแจกของบ่อยมากในเพจของ Keenz ครับ
สามารถติดตามเพจของ Keenz ได้ที่
https://www.facebook.com/keenzthailand
และถ้าใครอยากชมคลิปเพิ่มเติมที่ผมรีวิวไว้ในช่อง Youtube สามารถติดตามได้ที่นี่ครับ
Tips : ถ้ากลัวเบาะรถเข็นเปื้อน หรือ เก่าเร็ว ควรหาซื้อเบาะเสริมมาใส่ครับ

น้องเฟรญ่าขออนุญาตลาไปก่อน บ๊ายบายนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ 🙂