ช่วงนี้ภรรยาเริ่มฝึกให้ลูกนั่งแล้ว พยายามจับนั่ง แล้วให้ลูกนั่งเล่น แรก ๆ ก็นั่งไม่ได้หรอก เอนตัวตลอด จึงต้องคอยประคองไว้ หัดไปเรื่อย ๆ จนมีพัฒนาการแรกคือ “การใช้มือค้ำ” อาจจะเกิดการลองผิดลองถูกของน้องเฟรญ่าเอง จึงใช้มือนึงค้ำ อีกมือนึงจับของเล่น ซึ่งจริง ๆ คือร่างกายยังแข็งแรงไม่เพียงพอในการนั่ง แต่ใช้การผ่อนแรงด้วยการค้ำยัน
ตอนแรกเกิดก็เคยมีเรื่องน่าแปลกใจแบบนี้คือ น้องเฟรญ่าจะพยายามใช้มือจับขวดนม (ซึ่งจริง ๆ จับไม่ได้หรอก) แต่เห็นชอบจับขวดก็เลยให้ลองจับไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ห้าม ไม่ได้เอามือออก จนกระทั่งนางใช้แขนข้างนึงค้ำขวดนม อีกมือนึงประคอง แล้วดูดขวดนมเอง โดยที่ผมไม่ต้องจับ

ไม่ได้จะอวยว่าลูกตนเองเก่งแต่อย่างใด (และไม่ต้องฝึกลูกแบบผมด้วย) เพราะจริง ๆ มันไม่ใช่พัฒนาการตามวัยเท่าไหร่ในเรื่องการจับขวดนม
แต่ที่จะสื่อให้เห็นคือ เด็กทุกคนมีสัญชาตญานในตัวเองตั้งแต่แรกเกิด และมีวิธีการแก้ปัญหา ของเขาอยู่แล้ว การปล่อยให้เขาเล่นและเรียนรู้เอง ตามที่หมอหลายท่านแนะนำคือสิ่งที่ถูกต้อง และเขาจะแก้ไขปัญหาหรือจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้าด้วยตนเอง
มาต่อกันด้วยเรื่องการฝึกนั่ง
ภรรยาผมซื้อเบาะหัดนั่งตุ๊กตามา น่ารักมากกก ก็ช่วยอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ว่าก็ต้องจับประคองเหมือนเดิม เอาจริง ๆ คือ ความน่ารักให้เต็ม 10 แต่ประโยชน์การใช้งานจริงให้ประมาณ 6 เนื่องจากต้องประคองลูกเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเบาะแบบนี้จะมีหลุมเล็ก ๆ ช่วยให้เด็กนั่ง แต่เอาเข้าจริง ลูกไม่ใช่ตุ๊กตา โดยเฉพาะน้องเฟรญ่า เมื่อเบื่อนางก็จะหงายหลัง ถ้าไม่จับไว้คือตกจากเบาะ (อันตรายมาก) ดังนั้นถึงแม้จะนั่งได้แล้ว ก็ต้องคอยดูตลอดนะครับ

อีกพัฒนาการหนึ่งในช่วงนี้
คือการที่ลูกสาวเป็นนักร้องเสียงเพี้ยนนนน !
จริง ๆ ลูกจะสามารถส่งเสียงได้ตั้งแต่แรกเกิด เห็นง่าย ๆ ก็คือการร้องไห้ และการส่งเสียงร้องเพื่อแสดงความต้องการ
แต่พัฒนาการในเรื่องการพูดและการสื่อสาร เราจะเริ่มสังเกตได้จากลูกเริ่มเล่นน้ำลาย หลังจากนั้นจึงเริ่มอ้อแอ้ และส่งเสียงในลำคอ เวลาลูกเล่นน้ำลายและพยายามสื่อสาร พ่อแม่ จึงควรตอบสนองต่อลูกด้วยการพูดโต้ตอบ โดยหันหน้าเข้าหาลูก อยู่ในระยะที่ลูกมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อให้เขาสังเกตปากขณะเราออกเสียงโต้ตอบ
ก่อนจะเป็นนักร้องเสียงเพี้ยน ก็จะมีช่วงที่ลูกสาวพูดยาว ๆ เหมือนคุยกับใครสักคน ยิ้มหัวเราะอยู่คนเดียว หรือที่หลาย ๆ คนบอกว่าลูกกำลังคุยกับ “แม่ซื้อ” แต่เสียงของลูกจะไม่มีเสียงสูง เสียงต่ำ แต่จะเหมือนคนบ่นอะไรไปเรื่อย ๆ มากกว่า

ความเป็นนักร้องเสียงเพี้ยนของน้องเฟรญ่า เริ่มครั้งแรกตอนที่ภรรยาผมอุ้มลูกอยู่ แล้วอยู่ดี ๆ นางก็ร้องออกมา ทีแรกนึกว่าไม่พอใจ แต่ปรากฎว่าส่งเสียงออกมาไม่หยุด เสียงสูงบ้าง ต่ำบ้าง บางทีก็เหมือนกรี๊ด แต่สังเกตดูแล้วไม่ใช่การเรียกร้อง พอเปิดหาข้อมูลดูจึงถึงบางอ้อว่า ลูกสาวกำลังสำรวจตัวเองว่าสามารถทำเสียงและเปล่งเสียงอะไรออกมาได้บ้าง ซึ่งเป็นพัฒนาการตามวัย
ช่วงนี้เลยเป็นช่วงตลก ๆ ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่เห็นลูกได้เป็นนักร้องเสียงเพี้ยน และก็ชื่นใจได้ในระดับหนึ่ง ว่าลูกยังไม่มีปัญหาในด้านการสื่อสาร (การสื่อสารเริ่มต้นด้วยการได้ยิน หากการได้ยินมีปัญหา การสื่อสารก็มีปัญหา)
วัย 5 เดือน ลูกจะเริ่มมีน้ำหนักตัวที่เยอะขึ้นแล้ว อีกไอเทมหนึ่งที่แนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็คือ “เป้อุ้มเด็ก” เพราะจะช่วยผ่อนแรงแขนไปได้มาก โดยเฉพาะที่ใช้ประโยชน์ได้สุด ๆ ก็คือ Hip Seat ซึ่งช่วยฝึกการนั่ง โดยให้นั่งหันหน้าออก แล้วพาเดินชมนกชมไม้ ได้ประโยชน์ทั้งผ่อนแรงและเสริมพัฒนาการให้ลูกสำรวจและสนใจ (สามารถอ่านบทความรีวิวเป้อุ้มเด็กที่ผมใช้ได้ที่นี่ครับ)